ประวัติ ของ ฌัก ออแฟนบัก

ออแฟนบักเข้าเรียนเชลโล ที่วิทยาลันดนตรีและนาฏศิลป์ชั้นสูงแห่งกรุงปารีส และได้เริ่มต้นอาชีพเป็นนักดนตรีเอกที่เล่นเดี่ยว ต่อมาได้เข้าร่วมวงออเคสตราของ โอเปร่า-โคมิค และที่ โรงละครชวนหัวฝรั่งเศสในกรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) เข้าได้สร้างโรงละครส่วนตัวขึ้นเพื่อจะไว้เป็นที่เปิดแสดงผลงานที่เขาประพันธ์ขึ้นเอง เขาได้ทำงานกับอ็องรี เมลัก และลุดวิก อาเลวี นักประพันธ์ละครสั้น ผลงานของเขาได้แสดงถึงความกินดีอยู่ดีของประชาชนในสมัยจักรวรรดิที่สองของฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน จนแทบจะมีแต่เรื่องไร้ศีลธรรมและออกแนวอื้อฉาว (การขอโทษต่อฉากรักสามเส้าในเรื่อง ลาแบเลแลน และฉากการนอกใจในเรื่อง ออร์เฟโอซองแฟร์)

ปารี :
เมื่อเราอยู่กันสองคน เยื่อพรหมจรรย์กลายเป็นโซ่
ที่หนักเกินกว่าเราจะแบกรับไว้ได้
แต่เราแทบไม่รู้สึกน้ำหนักของมันเลย
เมื่อเรามีกันสามคน
เอเลน :
อ้า! ช่างเลิศรส! ช่างเลิศรส!

ออแฟนบักใช้แนวทางเหลวไหลพกผ่านบทประพันธ์ของไออัคที่เกี่ยวกับเทพปกรณัมกรีกเช่นเดียวกัน เช่นการทำให้เทพเจ้ากรีก และวีรบุรุษทั้งหลายกลายเป็นตัวละครเลื่อนลอย โง่เง่า หรือไม่ก็ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ยากที่จะเห็นความเป็นคนชั้นสูง หรือแสดงอารมณ์อันละเมียดละไม :

เอเลน :
เมื่อข้าเดินผ่านฝูงชน จากรถม้าของข้า ข้าจะได้ยิน คำพูดเหมือนเมื่อสักครู่ ด้วยเสียงที่ออกจากปากคนหลายพ่อพันแม่ ที่พูดว่า : « หล่อนไม่ใช่ราชินี แต่เป็นนังแพศยา !... »

และยิ่งเด่นชัดขึ้นจากฉากเต้นรำของอากาเมมนอน (องค์ที่ 3 ฉากที่ 5) :

เอ้าพวกเรา เร็ว ๆ เข้า ต้องรีบแล้ว...
จงดูรัฐกรีกให้ดี
เป็นเมืองใหญ่ของพวกขี้เหล้า
และวีนัส วีนัสเทพธิดาแห่งการเจริญพันธุ์
ทำให้ระบำแห่งโลกันต์มีชีวิตชีวา...
ทุกสิ่งเป็นความรื่นรมย์และอิ่มเอิบ !
ความดีงาม ความรับผิดชอบ เกียรติยศ และศีลธรรม
ถูกสายน้ำพัดหายไปหมดแล้ว !...

การบิดเบือนเรื่องราวของยุคโบราณเปิดโอกาสให้เขาได้วิพากษ์วิจารณ์สังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ความเต็มไปด้วยพิธีรีตองต่าง ๆ (« ทุกอย่างทำไปเพื่อให้เป็นพิธีรีตอง ! » คำสั่งของเทพจูปิเตอร์) และความเหลวไหลของสังคมยุคนั้น ได้อย่างรุนแรง :

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้